สังคมศึกษา

เศรษฐศาสตร์
   เศรษฐศาสตร์ เป็นวิชาทางสังคมศาสตร์ที่ศึกษาเกี่ยวกับการผลิต การกระจาย การบริโภคสินค้าและบริการ หรือเป็นการศึกษากิจกรรมเศรษฐกิจของมนุษย์ในการเลือกหาแนวทางที่จะใช้ปัจจัยการผลิตที่มีอยู่อย่างจำกัด เพื่อตอบสนองความต้องการที่ไม่จำกัดของมนุษย์
 เศรษฐศาสตร์ หมายถึง
     เศรษฐศาสตร์ หมายถึง  ตามคำจำกัดความของนักเศรษฐศาสตร์และนักการเมือง เรย์มอนด์บารร์เศรษฐศาสตร์คือศาสตร์แห่งการจัดการทรัพยากรอันมีจำกัด เศรษฐศาสตร์พิจารณาถึงรูปแบบที่พฤติกรรมมนุษย์ได้เลือกในการบริหารทรัพยากรเหล่านี้ อีกทั้งวิเคราะห์และอธิบายวิถีที่บุคคลหรือบริษัททำการจัดสรรทรัพยากรอันจำกัดเพื่อตอบสนองความต้องการมากมายและไม่จำกัด
     
 วิชาเศรษฐศาสตร์จะถูกจำแนกออกตามเนื้อหาเป็น 2 สาขา ได้แก่
      เศรษฐศาสตร์จุลภาค ซึ่งเป็นการศึกษากิจกรรมทางเศรษฐกิจของบุคคล ครัวเรือน เป็นการศึกษาเฉพาะส่วนย่อย ๆ ในระยะเวลาหนึ่ง ๆเศรษฐศาสตร์จุลภาคถือเป็นแนวทางหลักในการวิเคราะห์เศรษฐกิจอย่างเป็นระบบนอกจากนี้ เศรษฐศาสตร์จุลภาคยังวิเคราะห์ถึงโครงสร้างของตลาด เช่น ตลาดแข่งขันสมบูรณ์และตลาดผูกขาด เพื่อทราบถึงพฤติกรรมและประสิทธิภาพของระบบเศรษฐกิจ

เศรษฐศาสตร์มหภาค เป็นการศึกษากิจกรรมทางเศรษฐกิจในระดับรวมหรือในระดับประเทศ เช่น รายได้ประชาชาติ อัตราการจ้างงาน การธนาคาร การคลังเศรษฐศาสตร์มหภาคนั้นจะพิจารณาระบบเศรษฐกิจในภาพรวมนอกจากนี้ยังคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ ที่มีผลกระทบต่อระดับความเติบโตในระยะยาวของรายได้ประชาชาติ อันได้แก่ การสะสมทุนการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี และการขยายตัวของกำลังแรงงาน

สหกรณ์

     สหกรณ์ (Cooperatives) คือองค์กรหนึ่งซึ่งมีการรวมกลุ่มกันจัดตั้งขึ้นมาด้วยความสมัครใจภายใต้การปกครองตนเอง เพื่อตอบสนองความต้องการที่จำเป็นในชีวิต รวมทั้งความหวังทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมร่วมกัน โดยทั้งหมดตั้งอยู่บนพื้นฐานแห่งความรับผิดชอบต่อตนเอง และการช่วยตนเอง และมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ตั้ง

สหกรณ์จัดตั้งขึ้นมาอย่างไร?
– เกิดจากกลุ่มคนที่มีการรวมตัวกันจดทะเบียนตาม พ.ร.บ.สหกรณ์ พ.ศ. 2542 ต่อนายทะเบียนสหกรณ์ หรือรองนายทะเบียนสหกรณ์เท่านั้น
– โดยหลังจากผ่านการจดทะเบียนสหกรณ์เรียบร้อยแล้ว สหกรณ์นั้นๆ ก็จะกลายเป็นนิติบุคคล
– และสหกรณ์จัดเป็นนิติบุคคลที่อยู่ในภาคเอกชน ไม่ได้สังกัดในราชการส่วนใดๆทั้งสิ้น

สหกรณ์จัดตั้งขึ้นเพื่ออะไร?
– เพื่อให้บุคคลทั่วไปที่กำลังประสบปัญหาต่างๆ ในลักษณะคล้ายๆ กันมารวมตัวกันเพื่อเป็นการช่วยกันแก้ไขปัญหาในอนาคตต่อไป
– เพื่อช่วยเหลือบุคคลทั่วไป โดยสหกรณ์จัดเป็นองค์การที่มีกฎหมายรองรับอยู่จึงปลอดภัย พร้อมทั้งมีส่วนราชการเข้าไปช่วยเหลือตามจำเป็นอีกด้วย
– มีการแบ่งปันผลประโยชน์ที่ได้ร่วมกันด้วยความยุติธรรม คือจะอยู่ในแบบที่บุคคลผู้เป็นสมาชิกเป็นผู้ใช้บริการและเป็นเจ้าของในขณะเดียวกันนั่นเอง

ประโยชน์ของสหกรณ์มีอะไรบ้าง?
– เป็นการฝึกให้บุคคลผู้เป็นสมาชิกสหกรณ์รู้จักพึ่งพาตนเอง ทั้งในด้านการซื้อ การขาย และที่ผลิตได้
– ช่วยให้เกิดความสามัคคีกันในกลุ่ม เพราะต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกัน และทำให้บุคคลผู้ยากจนมีฐานะทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้นได้ ซึ่งเป็นการนำพาให้ประเทศเจริญขึ้นได้อีกทางหนึ่ง
– มีแหล่งจัดหาเงินทุนเพื่อให้บุคคลผู้เป็นสมาชิกสหกรณ์ได้กู้ยืมไปใช้ในการประกอบอาชีพ หรือสิ่งจำเป็นต่างๆ โดยยุติธรรม
– มีการแนะนำและส่งเสริมให้บุคคลผู้เป็นสมาชิกสหกรณ์ได้มีความรู้ในการประกอบอาชีพ โดยเฉพาะด้านการเกษตรสมัยใหม่ ซึ่งจะทำให้สมาชิกของสหกรณ์มีรายได้ที่สูงขึ้นตามไปด้วย
– ทำให้บุคคลผู้เป็นสมาชิกสหกรณ์ทุกคนต่างรู้สึกเท่าเทียมกัน เพราะทุกคนต่างมีสิทธิออกเสียง หรือแสดงความคิดเห็นร่วมกัน โดยมีความเป็นประชาธิปไตยและเสมอภาคกัน
– ทำให้บุคคลผู้เป็นสมาชิกสหกรณ์มีชีวิตที่ดีขึ้น นอกจากความรู้ เงินทุน และการผลิตแล้ว ยังทำให้รู้จักการประหยัดอดออมเพื่ออนาคตที่ดีในวันข้างหน้าอีกด้วย
     ดังนั้น สหกรณ์จึงเรียกได้ว่าเป็นการก่อตั้งองค์กรขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือประชาชนทั่วไปอย่างแท้จริง ที่ทำให้ได้มีเงินทุนหมุนเวียนในการกู้ยืมโดยไม่ต้องเสียดอกเยอะ และมีความยุติธรรมแก่สมาชิกของสหกรณ์

เศรษฐกิจพอเพียง

     เศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรัชญาชี้ถึงแนวการดำรงอยู่ และปฏิบัติตนของประชาชนในทุกระดับตั้งแต่ระดับครอบครัว ระดับชุมชนจนถึงระดับรัฐ ทั้งในการพัฒนา และบริหารประเทศให้ดำเนินไปใน ทางสายกลาง โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจเพื่อให้ก้าวทันต่อโลกยุคโลกาภิวัตน์
     ความพอเพียง หมายถึง ความพอประมาณ ความมีเหตุผล รวมถึงความจำเป็นที่จะต้องมีระบบภูมิคุ้มกันในตัวที่ดีพอสมควร ต่อการมีผลกระทบใดๆ อันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทั้งภายนอก และภายใน ทั้งนี้จะต้องอาศัยความรอบรู้ ความรอบคอบ และความระมัดระวังอย่างยิ่ง ในการนำวิชาการต่าง ๆ มาใช้ในการวางแผน และการดำเนินการทุกขั้นตอน และขณะเดียวกันจะต้องเสริมสร้างพื้นฐานจิตใจของคนในชาติโดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ของรัฐ นักทฤษฎี และนักธุรกิจในทุกระดับให้มีสำนึกในคุณธรรม ความซื่อสัตย์สุจริต และให้มีความรอบรู้ที่เหมาะสม ดำเนินชีวิต ด้วยความอดทน ความเพียร มีสติ ปัญญา และความรอบคอบ เพื่อให้สมดุล และพร้อมต่อการรองรับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และกว้างขวางทั้งด้านวัตถุ สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรมจากโลกภายนอกได้เป็นอย่างดี

  การนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้    
      ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงนี้ เป็นกรอบแนวความคิดและทิศทางการพัฒนาระบบเศรษฐกิจมหภาคของไทย ซึ่งบรรจุอยู่ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 10 (พ.ศ. 2550-2554)เพื่อมุ่งสู่การพัฒนาที่สมดุล ยั่งยืน และมีภูมิคุ้มกัน เพื่อความอยู่ดีมีสุข มุ่งสู่สังคมที่มีความสุขอย่างยั่งยืน หรือที่เรียกว่า สังคมสีเขียว (Green Society) ด้วยหลักการดังกล่าว แผนพัฒนาฯฉบับที่ 10 นี้จะไม่เน้นเรื่องตัวเลขการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ แต่ยังคงให้ความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจแบบทวิลักษณ์ หรือระบบเศรษฐกิจที่มีความแตกต่างกันระหว่างเศรษฐกิจชุมชนเมืองและชนบท

ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง มีหลักพิจารณาอยู่ 5 ส่วน ดังนี้
กรอบแนวคิด เป็นปรัชญาที่ชี้แนะแนวทางการดำรงอยู่ และปฏิบัติตนในทางที่ควรจะเป็น โดยมีพื้นฐานมาจากวิถีชีวิตดั้งเดิมของสังคมไทย สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้ตลอดเวลา และเป็นการมองโลกเชิงระบบที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา และเป็นการมองโลกเชิงระบบที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา มุ่งเน้นการรอดพ้นจากภัย และวิกฤต เพื่อความมั่นคง และความยั่งยืนของการพัฒนา

คุณลักษณะ เศรษฐกิจพอเพียงสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการปฏิบัติตนได้ในทุกระดับ โดยเน้นการปฏิบัติบนทางสายกลาง และการพัฒนาอย่างเป็นขั้นตอน

คำนิยาม ความพอเพียงจะต้องประกอบด้วย 3 คุณลักษณะ พร้อม ๆ กันดังนี้
ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดีที่ไม่น้อยเกินไป และไม่มากเกินไปโดยไม่เบียดเบียนตนเอง และผู้อื่น เช่นการผลติ และการบริโภคที่อยู่ในระดับพอประมาณ

ความมีเหตุผล หมายถึง การตัดสินใจเกี่ยวกับระดับของความพอเพียงนั้น จะต้องเป็นไปอย่างมีเหตุผล โดยพิจารณาจากเหตุปัจจัยที่เกี่ยวข้องตลอดจนคำนึงถึงผลที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากการกระทำนั้น ๆ อย่างรอบคอบ

การมีภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว หมายถึง การเตรียมตัวให้พร้อมรับผลกระทบ และการเปลี่ยนแปลงด้านต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นโดยคำนึงถึงความเป็นไปได้ของสถานการณ์ ต่าง ๆ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตทั้งใกล้ และไกล

เงื่อนไข การตัดสินใจและการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ให้อยู่ในระดับพอเพียงนั้น ต้องอาศัยทั้งความรู้ และคุณธรรมเป็นพื้นฐาน กล่าวคือ
เงื่อนไขความรู้ ประกอบด้วย ความรอบรู้เกี่ยวกับวิชาการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างรอบด้าน ความรอบคอบที่จะนำความรู้เหล่านั้นมาพิจารณาให้เชื่อมโยงกัน เพื่อประกอบการวางแผน และความระมัดระวังในขั้นปฏิบัติ

เงื่อนไขคุณธรรม ที่จะต้องเสริมสร้างประกอบด้วย มีความตระหนักในคุณธรรม มีความซื่อสัตย์สุจริต และมีความอดทน มีความเพียร ใช้สติปัญญาในการดำเนินชีวิต

แนวทางปฏิบัติ / ผลที่คาดว่าจะได้รับ จากการนำปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ คือ การพัฒนาที่สมดุล และยั่งยืน พร้อมรับต่อการเปลี่ยนแปลงในทุกด้าน ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม ความรู้ และเทคโนโลยี


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น